สิ่งที่มีผลกระทบต่อบ้านอย่างหนึ่งก็คือ “อาคารสูง” ซึ่งเปรียบได้กับภูเขาสูง หรือหน้าผาชัน
บทบัญญัติฮวงจุ้ยที่ห้ามการปลูกสร้างบ้านเรือนบริเวณใต้หน้าผาสูง หรือภูเขาที่มีความลาดชันมากๆ เพราะว่า
กระแสชี่ในบริเวณดังกล่าวขาดความสม่ำเสมอ และชี่จากด้านบนของหน้าผาหรือภูเขานั้นจะไหลลงมากระแทกกับตัวบ้านอย่างรวดเร็วและรุนแรง เกิดผลกระทบกับผู้อยู่อาศัยภายในบ้านได้
ในสมัยก่อนผลกระทบที่เกิดกับบ้านนั้นจะเป็นรูปธรรมมากกว่า โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากลงมา
นอกจากนี้อาจมีสิ่งไม่คาดฝันหล่นลงมาทำให้เกิดอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยด้านล่าง…
ปัจจุบันการปลูกบ้านใต้หน้าผาหรือภูเขาสูงชันมีโอกาสค่อนข้างยาก
ดังนั้น ลักษณะของหน้าผาจึงนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่มีลักษณะเหมือนหรือคล้ายคลึงกัน ได้แก่ บรรดาตึกสูงทั้งหลายนั้นเอง
สิ่งที่เป็นผลกระทบต่อผู้พักอาศัยติดกับอาคารสูงที่พบได้บ่อยคือ ชีวิตและความรู้สึกส่วนตัวหายไป เพราะผู้อยู่อาศัยในชั้นที่สูงกว่าสามารถมองลงมาได้อย่างชัดเจน สิ่งของจากอาคารสูงอาจหล่นลงมาสร้างความเสียหายให้กับบ้านที่อยู่ต่ำได้
นอกจากนี้ตึกสูงที่แวดล้อมบ้านอยู่นั้น จะเป็นตัวกั้นอากาศดีๆ ไม่ให้ผ่านเข้ามา และจะคอยกักอากาศเสียไม่ให้มีการระบายออกอีกด้วย
ยังไม่นับอุบัติภัยจากตึกถล่ม ตึกร้าวและทรุดตัวลงมา ผู้ที่จะได้รับผลกระทบก็คือผู้อาศัยอยู่ในตึก และผู้พักอยู่ในละแวกใกล้เคียงครับ
หากบ้านอยู่ระหว่างอาคารสูงสองหลัง แรงกดดันของลมที่มีต่อบ้านจะรุนแรง ซึ่งหากมองในแง่จิตวิทยาแล้ว การถูกแวดล้อมด้วยอาคารสูง อาจทำให้เกิดความรู้สึกถูกบีบคั้น และตกอยู่ภายใต้การควบคุม ทำให้เกิดความรู้สึกปมด้อย
จากเหตุผลที่กล่าวมาคงช่วยในการพิจารณาตัดสินใจ เมื่อต้องเลือกบ้านใกล้อาคารสูงว่าสามารถรับผลกระทบที่จะตามมาได้หรือไม่ในภายหลัง