ตำราฮวงจุ้ยยุคโบราณนั้นได้ให้ความสำคัญกับทางน้ำหรือสายน้ำค่อนข้างมาก เพราะถือว่าสายน้ำคือชีวิต นอกจากประโยชน์ในด้านอุปโภคบริโภคแล้ว ยังเป็นเส้นทางคมนาคมสัญจรด้วย ดังนั้น ในการเลือกทำเลสำหรับอยู่อาศัยหรือค้าขายในสมัยนั้นจึงจำเป็นต้องดูทางน้ำ หรือสายน้ำเป็นสำคัญ
สิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาคือลักษณะความคดคี้ยว รวมถึงทิศทางการไหลของสายน้ำ และตำแหน่งที่ตั้งของอาคารบ้านเรือนว่าอยู่ ณ ตำแหน่งใดของสายน้ำ ทั้งสองสิ่งเป็นหลักใหญ่ๆ ที่จำเป็นต้องคำนึงถึงในลำดับต้นๆ เพราะหากตั้งบ้านเรือนในทำเลที่ไม่ดีอาจส่งผลกระทบต่อตัวผู้อยู่อาศัย เช่น การไม่ใส่ใจในเรื่องของทิศทางและความเร็วในการไหลของกระแสน้ำให้ดีเสียก่อนก่อสร้างบ้านเรือง ทางน้ำซึ่งอาจจะไหลมาด้วยความรวดเร็วและรุนแรงในหน้าน้ำหลาก อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัยและสิ่งของภายในบ้านได้
ในยุคปัจจุบันคูคลองต่างๆ ถูกถมและก่อสร้างเป็นถนน ตำราฮวงจุ้ยร่วมสมัยหลายเล่มจึงหันมาให้ความสำคัญกับถนนหนทางมากขึ้น และถูกนำเปรียบกับสายน้ำในแง่ขอการคมนาคม ถึงแม้ว่าในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องอาศัยใกล้แหล่งน้ำเพราะมีระบบประปาคอยส่งน้ำมาให้ใช้ถึงบ้านก็ตาม แต่อย่าลืมว่าระบบประปาจะวางท่อเข้าสู่ตัวชุมชนที่มีผู้คนอาศัยอยู่จำนวนหนึ่ง หลักเกณฑ์หนึ่งในการนำมาพิจารณาว่ามีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่นเพียงใด นั่นคือ มีถนนตัดเข้าไปหรือยัง
ดังนั้น หากอยู่ในทำเลไม่ดีถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไกลจากแม่น้ำสายหลัก ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ไกลจากถนนหนทาง เราจะได้รับความยากลำบากในการเดินทางไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ และอาจส่งผลกระทบต่อฐานะความเป็นอยู่ ความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สรุปความได้ว่า ตำราฮวงจุ้ยมีเหตุผลในการส่งเสริมให้เลือกทำเลที่ดีใกล้แหล่งน้ำ เป็นการส่งเสริมพลังซี่ดีๆ เพิ่มศักยภาพในการทำงานและประกอบกิจกรรมต่างๆ เมื่อกาลเวลาแปรเปลี่ยนไป การคมนาคมทางน้ำย่อมลดระดับความสำคัญลงมา แต่ถนนหนทางกลับเบียดแซงหน้าขึ้นไป แม้กระนั้นเราก็ควรจะนำเอาหลักเกณฑ์ที่มีมาแต่เดิมมาศึกษาเพื่อค้นหาจุดที่แตกต่าง และจุดที่มีความสอดคล้องใกล้เคียงอันเหมาะสมเพื่อนำมาเอื้อประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของเราให้มากที่สุด