ประเพณีทิ้งกระจาด เป็นประเพณีทางพุทธนิกายมหายานที่พุทธศาสนิกชนร่วมกันอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นการสร้างความเอื้ออาทรต่อกันในชุมชน ถือว่าการทำบุญให้ทานนี้เป็นเครื่องลดความเห็นแก่ตัวลง
โดยปกติจะจัดในช่วงเดือน 7 ของจีน ซึ่งเป็นช่วงที่เชื่อว่าประตูนรกจะเปิดเพื่อปล่อยสัตว์นรกชั่วคราว
เมื่อวิญญาณที่ขึ้นมานี้หากมีญาติเซ่นไหว้ทำบุญอุทิศให้ วิญญาณนั้นก็สุขสบาย แต่วิญญาณที่ไม่มีญาติเซ่นไหว้ก็หิวโหย อดโซไปเป็นที่น่าเวทนานัก
ดังนั้นในช่วงสาร์ทจีน ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ของจีน จึงมีการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ และช่วงบ่ายบางบ้านจะมีการเซ่นไหว้ผีไม่มีญาติ หรือคนจีนเรียกว่าไหว้ ฮ่อ เฮีย ตี๋ ที่ลานหน้าบ้าน
แต่พิธีทิ้งกระจาดจะทำตามวิหารหรือศาลเจ้าต่างๆ เพื่ออนุเคราะห์แก่วิญญาณไร้ญาติเหล่านั้นให้เป็นสุขขึ้นบ้าง
ส่วนของที่นำมาเซ่นไหว้แล้วก็นำมาแจกจ่ายเป็นทางแก่ผู้คนที่ต้องการต่อไป เท่ากับว่าของที่ผู้บริจาคมาในงานนี้จะได้ประโยชน์ 2 ต่อ คือ นำมาเซ่นไหว้ เป็นทานแก่คนเป็นอีกด้วย จึงนับว่าเป็นมหาทานด้วยเหตุผลดังนี้จึงถือว่าได้บุญมาก
ตำนานในพระสูตรกล่าวว่าสมัยหนึ่งพระอานนท์กำลังบำเพ็ญสมาธิปรเวกธรรมอยู่ ณ นิโครธาราม เมืองกบิลพัสดุ์ มีอสุรกายตนหนึ่งสำแดงร่างเป็นเปรต รูปร่างสูงผอม มีแต่หนังหุ้มกระดูก ลำคอเล็กเท่ารูเข็ม เมื่อหิวก็เปิดเปลวไฟออกจากปาก เปรตนั้นกล่าวกับพระอานนท์ว่า อีกสามวันพระพุทธเจ้าถึงจะมรณภาพ พระอานนท์ถามว่าจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร เปรตก็กราบทูลว่าต้องทำพิธีอุทิศเครื่องอุปโภคเป็นทานแก่ฝูงเปรตทั้งปวงจึง จะรอดและมีอายุมั่นขวัญยืนด้วย พระอานนท์จึงเข้ากราบทูลพระพุทธองค์ให้ทรงทราบ พระพุทธองค์จึงทรงโปรดให้ประกอบเมตตาธรรมตามที่พระอานนท์กราบทูล
งานประเพณีทิ้งกระจาดนี้จะเริ่มหลังวันสารทจีน 7 วัน วันเพ็ญเดือน 7 ตามปฏิทินจีน ประมาณปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายน ตามปฏิทินไทย นอกจากช่วงเดือน 7 จีนแล้ว มีศาลเจ้าบางแห่งจัดงานทิ้งกระจาดในช่วงท้ายของเทศกาลกินเจ เป็นทำนองว่าทำบุญแล้วทำทานก็มี
ไต้สือเอี๊ยในด้านพิธีกรรม จะเริ่มด้วยการสวดบูชาพระรัตนตรัยและอัญเชิญเทพไต้สือเอี๊ย (大士爺 – พญายม) มาเป็นผู้ดูแลสรรพวิญญาณที่อยู่ในพิธีให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยไม่เป็นภัยกับใคร (ไต้สือ ทำด้วยกระดาษ โครงร่างสานด้วยไม้ไผ่ เขียนด้วยสีน้ำเงิน ขาว และแดง สูงในราว 4-5 เมตร ยืนชี้นิ้วหน้าตาถมึงทึงน่ากลัวมาก บนศีรษะไต้สือมีรูปพระโพธิสัตว์กวนอิมอยู่องค์หนึ่ง คอยดูแลพวกภูติผีปีศาจแย่งชิงสิ่งของกัน)
จากนั้นก็จะเป็นการถวายเครื่องเซ่น ซึ่งจะประกอบด้วยอาหาร ของใช้ เสื้อผ้า กระดาษเงินกระดาษทอง ภูเขาเงินภูเขาทอง แก่วิญญาณต่างๆ มีการสวดมนต์เพื่อโปรดวิญญาณให้เข้าถึงพระถึงธรรม ตรงนี้เองหากวิญญาณใดมีโทษเบาบาง มีศรัทธาเข้าถึงธรรมเมื่อใดก็อาจส่งผลให้วิญญาณนั้นหลุดพ้นจากนรกได้ด้วย จึงถือเป็นพิธีสงเคราะห์อย่างเต็มที่ด้วยประการฉะนี้
การทิ้งกระจาดเมื่อเสร็จพิธีแล้ว ท่านเทพไต้สือเอี๊ยก็นำวิญญาณกลับไปแล้วก็จะทำการเผากระดาษไหว้ส่งวิญญาณไป ส่วนของไหว้ที่เป็นอาหารสด อาหารแห้ง ของใช้ต่างๆ ก็จะนำมาแจกจ่าย ในสมัยก่อนจะทำเป็นฉลากติดบนกระจาดสานจากไม้ไผ่เพื่อใช้ร่อนได้ เมื่อถึงเวลาก็จะทิ้งกระจาดเล็กๆ นี้ไปยังประชาชนที่มารอรับของ ใครเก็บกระจาดได้ก็จะนำไปขึ้นของ จึงเป็นที่มาของคำว่าทิ้งกระจาด ไม่ใช่เทกระจาดอย่างที่หลายคนใช้ผิดกัน