แอพ “มิติหลู่ปัง” (ไม้บรรทัดฮวงจุ้ย – Feng Shui Ruler) สำหรับแสดงระยะมงคลตามระบบมาตรวัดหลู่ปังเชียะ
อุปกรณ์ฮวงจุ้ยชนิดมีขั้นตอนการใช้งานไม่ยาก แอพถูกออกแบบการทำงานจากประสบการณ์ดูฮวงจุ้ยให้ง่ายและสะดวก
สามารถใช้งานได้ทั้งบุคคลทั่วไป และมีหน่วยวัดพิเศษสำหรับสมาชิกครับ
ปกติวิชานี้ผมจะนำมาเป็นส่วนเสริมมงคล คือหลังจากวางตำแหน่งทิศทางฮวงจุ้ยเสร็จแล้ว หากจุดสำคัญ เช่น ขนาดศาลเจ้า ประตู เตียงนอน ถ้าเลือกได้ก็ให้ลงตัวเลขที่ดี เป็นต้น
แอพไม้บรรทัดฮวงจุ้ย – มิติหลู่ปัง คลิกที่นี่!
มิติหลู่ปัง เป็นมรดกทางปัญญาด้านหนึ่งของวิชาฮวงจุ้ย สืบทอดมาจากสมัยราชวงศ์ซ่ง คิดค้นโดยท่านปรมาจารย์หลู่ปังเพื่อใช้ในงานอาคารสถาปัตย์ก่อสร้าง รวมถึงเครื่องเรือนเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ โดยแยกแยะการให้คุณและโทษลักษณะต่างๆ ตามระยะมิติที่กำหนดไว้
มาตรวัดหลู่ปังเชียะ หรือ FENG SHUI RULER ซึ่งมีขนาดความยาวต่างจากไม้บรรทัดปัจจุบัน คือประมาณ 43 ซม. หรือ 17 นิ้ว แบ่งออกเป็น 8 ช่วงใหญ่ๆ แต่ละช่วงจะมีระยะห่างประมาณ 5.5 ซม. มีตัวอักษรกำกับบอกถึงคุณและโทษไว้
มิติหลู่ปังสำหรับที่อยู่อาศัยคน เป็น (พลังเอี๊ยง) จะใช้มิติมงคลวัดเพื่อกำหนดระยะ สิ่งที่สำคัญทางวิชาฮวงจุ้ย คือ ขนาดประตูทางเข้า ขนาดโต๊ะทำงาน ขนาดเตียงนอน และอื่นๆ รองลงมา เพื่อหวังให้เกิดผลสำเร็จในชีวิต หน้าที่การงาน ส่วนมิติที่ไม่เป็นมงคลก็ควรหลีกเลี่ยงไม่นำมาใช้
ระยะมิติหลู่ปังในพลังเอี๊ยงประกอบด้วย 8 ส่วนด้วยกัน โดยแบ่งเป็น 4 ส่วนที่เป็นมงคล และ 4 ส่วนที่ไม่เป็นมงคล รายละเอียดดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 ไช้ ( 財 ) หมายถึง ทรัพย์สิน
มิติหลู่ปัง เริ่มที่ 0 – 5.37 เซนติเมตร (0 – 2 2/16 นิ้ว)
ประกอบด้วย 4 ช่วงย่อย มีระยะเท่ากันตามลำดับดังนี้
ช่วงที่ 1 ทำให้ความโชคดีเข้ามา
ช่วงที่ 2 ทำให้มั่งคั่งด้วยทรัพย์สิน
ช่วงที่ 3 ทำให้มีมนุษย์สัมพันธ์และโชคดี
ช่วงที่ 4 ทำให้ร่ำรวยมาก
ส่วนที่ 2 แป่ ( 病 ) หมายถึง โรคภัยไข้เจ็บ
มิติหลู่ปัง เริ่มที่ 5.38 – 10.74 เซนติเมตร (2 2/16 – 4 4/16 นิ้ว)
ประกอบด้วย 4 ช่วงย่อย มีระยะเท่ากันตามลำดับดังนี้
ช่วงที่ 1 ทำให้สูญเสียโชคลาภ
ช่วงที่ 2 ทำให้เผชิญปัญหาเลวร้าย รุนแรง
ช่วงที่ 3 ทำให้รับโทษภัยรุนแรง
ช่วงที่ 4 ทำให้กำพร้าและเป็นหม้าย
ส่วนที่ 3 ลี้ ( 離 ) หมายถึง พลัดพราก
มิติหลู่ปัง เริ่มที่ 10.75 – 16.11 เซนติเมตร (4 4/16 – 6 6/16 นิ้ว)
ประกอบด้วย 4 ช่วยย่อย มีระยะเท่ากันตามลำดับดังนี้
ช่วงที่ 1 ทำให้สูญเสียความมั่งคั่ง
ช่วงที่ 2 ทำให้เงินทองสูญหาย
ช่วงที่ 3 ทำให้ถูกหลอกลวงเรื่องเงินทอง
ช่วงที่ 4 ทำให้สูญเสียทุกสิ่ง
ส่วนที่ 4 หงี่ ( 義 ) หมายถึง คุณธรรม
มิติหลู่ปัง เริ่มที่ 16.12 – 21.48 เซนติเมตร (6 6/16 – 8 8/16 นิ้ว)
ประกอบด้วย 4 ช่วงย่อย มีระยะเท่ากันตามลำดับดังนี้
ช่วงที่ 1 ทำให้ได้ลูกหลาน
ช่วงที่ 2 ทำให้กำไรมาก
ช่วงที่ 3 ทำให้มีลูกหลานมีพรสวรรค์
ช่วงที่ 4 ทำให้โชคดีและร่ำรวยมาก
ส่วนที่ 5 กัว ( 官 ) หมายถึง ยศศักดิ์
มิติหลู่ปัง เริ่มที่ 21.49 – 26.85 เซนติเมตร (8 8/16 – 10 10/16 นิ้ว)
ประกอบด้วย 4 ช่วงย่อย มีระยะเท่ากันตามลำดับดังนี้
ช่วงที่ 1 ทำให้มีอาหารอุดมสมบูรณ์
ช่วงที่ 2 ทำให้ได้โชคลาภจร
ช่วงที่ 3 ทำให้รายได้สูงขึ้น
ช่วงที่ 4 ทำให้ร่ำรวยขึ้น
ส่วนที่ 6 เกียบ ( 劫 ) หมายถึง พิบัติหรือสูญเสีย
มิติหลู่ปัง เริ่มที่ 26.86 – 32.22 เซนติเมตร ( 10 10/16 – 12 11/16 นิ้ว)
ประกอบด้วย 4 ช่วงย่อย มีระยะเท่ากันตามลำดับดังนี้
ช่วงที่ 1 ทำให้มีความตายและพรากจาก
ช่วงที่ 2 ทำให้สูญเสียลูกหลาน
ช่วงที่ 3 ทำให้พลัดพรากและสูญเสียงาน
ช่วงที่ 4 ทำให้สูญเสียเงินทองทรัพย์สิน
ส่วนที่ 7 ไห่ ( 害 ) หมายถึง เภทภัย
มิติหลู่ปัง เริ่มที่ 32.23 – 37.59 เซนติเมตร (12 11/16 – 14 13/16 นิ้ว)
ประกอบด้วย 4 ช่วงย่อย มีระยะเท่ากันตามลำดับดังนี้
ช่วงที่ 1 ทำให้มีความหายนะใหญ่หลวง
ช่วงที่ 2 ทำให้สูญเสียชีวิต
ช่วงที่ 3 ทำให้มีความเจ็บป่วย
ช่วงที่ 4 ทำให้ทะเลาะเบาะแว้งและคดีความ
ส่วนที่ 8 ปิ้ง ( 本 ) หมายถึง รากฐาน
มิติหลู่ปัง เริ่มที่ 37.60 – 42.96 เซนติเมตร (14 13/16 – 16 15/16 นิ้ว)
ประกอบด้วย 4 ช่วงย่อย มีระยะเท่ากันตามลำดับดังนี้
ช่วงที่ 1 ทำให้ความมั่งคั่งไหลมา
ช่วงที่ 2 ทำให้การงานก้าวหน้า
ช่วงที่ 3 ทำให้ความร่ำรวยไหลมา
ช่วงที่ 4 ทำให้ทุกสิ่งเพิ่มพูน
สรุปอักษรสี่ตัว คือ ไช้ หงี่ กัว และปิ้ง ถือเป็นตำแหน่งที่เป็นมงคลที่จะนำโชคลาภด้านการเงิน มีลูกหลานที่ดี มีอำนาจบารมีและนำความเจริญรุ่งเรือง
ส่วนอีกสี่ตัวที่เหลือ คือ แป่ ลี้ เกียบ ไห่ ถือเป็นตำแหน่งที่เป็นอัปมงคล จะนำสิ่งเลวร้าย ความเจ็บป่วย ความพลัดพราก การสูญเสีย ความตาย ความหายนะและสุขภาพที่ไม่ดีมาให้
ประวัติของท่านปรมาจารย์หลู่ปัง
หลู่ปัง โล่วปัง หลู่ปัน ลู่ปัง (魯班 Lǔ Bān) เป็นเทพแห่งช่างไม้ งานวิศวกรรม และ สถาปัตยกรรม นามจริงว่า กงซูปัน (公輸班 Gōng Shū Bān) เนื่องจากท่านเป็นชาวเมืองลู่ก๊ก จึงรู้จักและเรียกท่านในนามว่า หลู่ปัง ท่านเกิดในวันที่ 7 เดือน 5 จีน เป็นบุตรของนายหุ่ยเฮี้ยง และ นางหงอสี
ตั้งแต่วัยเด็กท่านสนใจเรื่องงานช่างเป็นอย่างมาก อายุได้ 15 ปี ได้ไปศึกษาวิชาจากอาจารย์ท่านหนึ่งชื่อว่าตวงบักคี่ ในเวลาเพียงไม่นานท่านก็สามารถเรียนรู้หลักวิชาในการก่อสร้างจากอาจารย์จนหมดสิ้น
หลักจากนั้นหลายปีผ่านไป ท่านก็ได้ศึกษาเรียนรู้พยายามค้นคว้าประดิษฐ์คิดค้นสิ่งของใหม่ๆ ออกมามากมาย จนเป็นที่ยอมรับนับถือกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะช่างไม้และช่างก่อสร้างจนถึงปัจจุบัน
ท่านเข้ารับราชการในราชสำนักท่านก็ได้รับพระราชทานยศเป็น “บู่ กั้ว ต้า ซื่อ” ท่านได้ฝากผลงานอันมีคุณค่าไว้มากมาย อาทิ สร้างพระราชวังที่ประทับต่างๆ สร้างยุทโธปกรณ์ไว้มากมาย ในทางตำนานได้กล่าว ภายในคืนหนึ่งท่านสามารถสร้างสะพานได้ถึง 3 แห่ง และว่าท่านได้เป็นผู้คิดริเริ่มนำกบไสไม้มาใช้อีกด้วย
ในส่วนของประวัตินั่นมีหลากหลาย ตำราที่กล่าวไว้มีความแตกต่างกันบ้างในส่วนของรายละเอียดอาทิ ในวันแซยิดของท่านบ้างก็ว่าเป็นวันที่ ๑๓ เดือน ๖ (จีน) บ้างว่าวันที่ ๑๒ เดือน ๖ (จีน) บ้างว่าเป็นวันที่ ๑๒ เดือน ๑๒ (จีน) บ้างว่าเป็นวันที่ ๗ เดือน ๕ (จีน)
อีกตำนานหนึ่งกล่าวไว้อย่างพิสดารว่า เมื่อครั้งกงซูปานได้ร่วมเดินทางไปกับน้องสาวของท่านไปถึงเมืองเตี้ยอัน มณฑลกวางตุ้ง ระหว่างทางท่านได้พบกับแม่น้ำอันกว้างใหญ่และกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ท่านทั้งสองจึงได้ร่วมมือร่วมใจกันสร้างสะพานเพื่อข้ามแม่น้ำไป โดยท่านได้ใช้เวลาแค่ชั่วคืนเดียวก็แล้วเสร็จ และมีความงดงามด้วยลวดสายแกะสลักไว้อย่างวิจิตร
เมื่อรุ่งเช้ามีชาวบ้านมาพบเข้าจึงเป็นที่อัศจรรยใจยิ่ง พร้อมทั้งข่าวได้กระจายไปไกล กระทั่งได้ยินถึงหูของโป๊ยเซียนที่พำนักอยู่ไกลโพ้น ข่าวนี้ได้รับความสนใจแก้เหล่าเซียนอย่างมาก จนกระทั่งเตียงก๋วยเล่า (จาง เกว๋าะ เหล่า) ถึงกับได้ขี่ลามาชม เมื่อมาถึงท่านเซียนได้เอ่ยถามกับกงซูปานว่า สะพานแห่งนี้มีความเข็งแรงดีพอหรือไม่ กงซูปานย่อมรับรองว่าแข็งแรงดีพอ แต่หารู้ไม่ว่าท่านเตียงก๋วยเล่านั่นได้นำเอากระเป๋าที่ภายในบรรจุพระอาทิตย์ไว้ในช่องด้านซ้าย พระจันทรในช่องด้านขวา ยังมีน้ำจากทะเลสาบใหญ่ทั้งห้า จากทะเลใหญ่ทั้งสี่ และจากแม่น้ำใหญ่ทั้งสามมาด้วย
เมื่อขึ้นสะพานจึงบังเกิดเสียงคลอนแคลนขึ้น กงซูปานจึงรีบกระโดดลงไปในน้ำ เอาแขนทั้งสองข้างค้ำยันสะพานไว้ไม่ให้พังลงมา เตียงก๋วยเล่าจึงข้ามสะพานไปได้ และได้หันมาถามชื่อเสียงเรียงนามของผู้สร้างสะพานนี้ แต่ด้วยว่ากงซูปานได้คิดน้อยใจที่ไม่สามารถทำสะพานที่แข็งแรงพอได้ จึงไม่ได้ตอบ แต่กลับใช้มือควักลูกตาออกมาข้างหนึ่งเอาไปป้ายไว้ที่ข้างสะพานนั่น แล้วท่านก็ออกเดินทางจากไป